"แมนซิตี้"ถลุงยับนิวคาสเซิ่ล ขออีกแต้มการันตีท็อปโฟร์

"เรือใบสีฟ้า" กลับมาแก้ตัวได้สำเร็จหลังเกมที่แล้วพ่ายมา เมื่อเปิดรังไล่ถล่ม นิวคาสเซิ่ล แบบไม่ซ้ำหน้า 5-0 ดาบิด ซิลบา กัปตันทีมยิงหนึ่งจ่ายอีกสอง พาทีมคว้าสามแต้มมีเพิ่มเป็น 69 คะแนน ต้องการอีกแต้มเดียวจะการันตีพื้นที่ท็อปโฟร์ หรือหากพรุ่งนี้ "ผีแดง" พ่ายจะคว้าตั๋วลุยแชมเปี้ยนส์ ลีกทันที ในเกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมือคืนวันพุธที่ผ่านมา 

สนาม : เอติฮัด สเตเดี้ยม 
    "เรือใบสีฟ้า" รองจ่าฝูง ต้องการอีก 4 คะแนนจะการันตีด้วยการจบท็อปโฟร์ ผลงานล่าสุดบุกไปพ่าย เซาธ์แฮมป์ตัน 0-1 เกมนี้ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า โรเตชั่นแข้งบางตำแหน่งแนวรุกพัก ราฮีม สเตอร์ลิง และแบร์นาร์โด้ ซิลวา เป็นสำรองแล้วส่ง ฟิล โฟเด้น, ริยาด มาห์เรซ และกาเบรียล เชซุส ทำเกมรุก
    ขณะที่ฝั่ง สตีฟ บรูซ บอสใหญ่ของสาลิกาดง ทีมอันดับ 12 สถานการณ์อยู่รอดปลอดภัยแล้ว ฟอร์มล่าสุดเปิดบ้าน เสมอกับ เวสต์แฮม 2-2 เกมนี้เน้นรับมาเยือนแมนฯซิตี้เต็มตัวโดยวาง  โชลินตอน เป็นหน้าเป้าคนเดียว และให้ จอนโจ เชลวี่ย์ กัปตันทีมคุมเกมแดนกลาง

    เริ่มครึ่งแรก มาได้แค่ 3 นาที เจ้าบ้านได้ทักทายก่อนหลัง ชูเอา คานเชโล่ จ่ายให้ ริยาด มาห์เรซ กระชากตัดเข้าหน้ากรอบก่อนซัดด้วยซ้ายไปเข้ามือ มาร์ติน ดูบราฟก้า
    และแค่นาทีที่ 10 ทัพเรือใบสีฟ้าทะยานขึ้นนำก่อน 1-0 เกมขึ้นทางซ้าย ฟิล โฟเด้น จ่ายไปที่ว่างให้ ดาบิด ซิลบา ฉีกไปรับบอลก่อนตบจากเส้นหลังมากลางประตูให้ กาเบรียล เชซุส ตั้งเท้าแปด้วยขวาเสียบเสาสองไปอย่างง่ายดาย
    อีกสองนาทีต่อมา บอลเล่นเร็วของ เอแดร์ซอน เปิดยาวมาหน้าประตู ริยาด มาห์เรซ เบียดเอาชนะแนวรับของนิวคาสเซิ่ลได้ก่อนพลิกตัววอลเลย์ด้วยขวาบอลพุ่งไปตรงตัว มาร์ติน ดูบราฟก้า อย่างน่าเสียดาย
    นาที 21 ลูกทีมของเป๊ป มาได้ประตูที่สอง จากจังหวะที่แข้งเรือใบตัดเกมได้ ฟิล โฟเด้น แทงขึ้นหน้าไปที่ว่างให้ เควิน เดอ บรอยน์ สอดมาก่อนตบจากเส้นหลังมากลางประตูให้ ริยาด มาห์เรซ ยืนยิงด้วยซ้ายไม่ถึง 10 หลาเข้าประตูไป แมนฯซิตี้ นำห่าง 2-0 
    โอกาสแรกของ "เดอะ แม็กพายส์" ต้องรอถึงนาที 31 จากลูกเตะมุมทางฝั่งซ้าย แม็ตต์ ริทชี่ เปิดมาให้ เฟเดริโก้ เฟร์นานเดซ เทกตัวโขกแต่บอลยังไม่ห่างตัว เอแดร์ซอน ล้มรับไว้ได้
    นาที 40 ทีมเยือนเกือบเสียเม็ดที่สามหลังโดน ซิลบา ตัดบอลได้หน้ากรอบ บอลมาถึง ฟิล โฟเด้น เล่นหนึ่งสองกับ กาเบรียล เชซุส ก่อนที่โฟเด้นจะหลุดเข้าไปซัดด้วยซ้ายบอลพุ่งถากเสาออกไปอย่างน่าเสียดาย
    จบครึ่งแรก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ นำห่าง นิวคาสเซิ่ล 2-0
    ครึ่งหลัง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เปลี่ยนสองคนรวดเลย ถอดเอา โรดรี้ และชูเอา คานเชโล่ ออกแล้วส่ง อิลคาย กุนโดกัน และไคล์ วอล์คเกอร์ ลงไปเล่นแทน
    นาที 49 แมนฯซิตี้ชวดได้ประตูที่สาม หลัง เควิน เดอ บรอยน์ ยกบอลไปเสาไกลให้ ฟิล โฟเด้น เติมมาจิ้มด้วยซ้ายบอลผ่านหน้าประตูออกหลังไปแบบน่าเสียดาย
    นาที 59 เจ้าบ้านมาพังประตูนำห่าง 3-0 จนได้ จากจังหวะที่ กาเบรียล เชซุส พาบอลตะลุยแหวกเข้าไปในกรอบ บอลไปเข้าทาง แมตต์ ริทชี่ พยายามจะเคลียร์บอลแต่ดันเตะไปชน เฟเดริโก้ เฟร์นานเดซ เพื่อนร่วมทีมเปลี่ยนทางเข้าประตูตัวเองไป
    นาที 65 ราฮีม สเตอร์ลิง ตัวสำรองที่เพิ่งลงมาเรียกฟรีคิกได้หน้ากรอบ ก่อนที่ ดาบิด ซิลบา กัปตันทีมจะปั่นบอลข้ามกำแพงเข้าประตูไปอย่างสวยงาม ให้ แมนฯซิตี้ นำโด่งหนีสาลิกาดง 4-0 
    นาที 75 ดาบิด ซิลบา ชวดยิงประตูที่สองของตัวเองในเกมนี้ หลัง เควิน เดอ บรอยน์ ไหลบอลมาเสาแรกให้อย่างนิ่มแต่อดีตห้องเครื่องทีมชาติสเปนยิงไปตรงตัว ดูบราฟก้า ปัดออกหลังน่าเสียดาย
    นาที 81 เควิน เดอ บรอยน์ ที่แอสซิสต์ในลีกไป 18 ลูกแล้วเกือบได้เพิ่มอีกหนึ่งเมื่อไหลบอลให้ไอ้หนู ทอมมี่ ดอย์ล ตัวสำรองวัย 18 ปี ที่เพิ่งลงมาซัดด้วยซ้ายจากนอกกรอบแต่บอลยังไม่ผ่านมือ มาร์ติน ดูบราฟก้า
    ช่วงทดเจ็บ นาที 90+1 ดาบิด ซิลวา ได้บอลสวนกลับก่อนจะกระชากเข้ากรอบแล้วจ่ายง่ายๆให้ ราฮีม สเตอร์ลิง ยิงประตูที่ห้าให้ "เรือใบสีฟ้า" นำโด่ง 5-0
    จบเกม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กลับมาคว้าชัยด้วยการไล่ถล่ม นิวคาสเซิ่ล แบบไม่ยาก 5-0 คว้าสามแต้มมีเพิ่มเป็น 69 คะแนน ขออีกแต้มเดียวจะการันตีพื้นที่ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก หรือพรุ่งนี้หาก แมนฯยูไนเต็ด บุกไปพ่ายแอสตัน วิลล่า พวกเขาจะการันตีท็อปโฟร์ทันที ส่วน นิวคาสเซิ่ล รั้งอันดับ 13 มี 43 คะแนน 
    รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
        แมนฯ ซิตี้ (4-3-3) : เอแดร์ซอน โมราเอส - ชูเอา คานเชโล่ (ไคล์ วอล์คเกอร์ น.46), นิโกลัส โอตาเมนดี้, จอห์น สโตนส์, อเล็กซานเดร์ ซินเชนโก้ - เควิน เดอ บรอยน์, โรดรี้ เอร์นานเดซ (อิลคาย กุนโดกัน น.46), ดาบิด ซิลบา (กัปตันทีม) - ริยาด มาห์เรซ (ทอมมี่ ดอย์ล น.75), กาเบรียล เชซุส (ราฮีม สเตอร์ลิง น.62), ฟิล โฟเด้น (แบร์นาร์โด้ ซิลวา น.62)
    ผู้จัดการทีม : เป๊ป กวาร์ดิโอล่า
        นิวคาสเซิ่ล (4-2-3-1) : มาร์ติน ดูบราฟก้า - เดอันเดร เยดลิน, เอมิล คราฟธ์ (โยชิโนริ มูโตะ น.84), ฟาเบียน ชาร์, เฟเดริโก้ เฟร์นานเดซ, แดนนี่ โรส - วาเลนติโน่ ลาซาโร่ (ฮาเบียร์ มานกีโย่ น.66), จอนโจ เชลวี่ย์ (กัปตันทีม) (แมทธิว ลองสตาฟฟ์ น.67), นาบิล เบนทาเล็บ, แม็ตต์ ริตชี่ (คริสเตียน อัตซู น.84) - โชลินตอน (ดไวท์ เกย์ล น.66

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เดือดสุดขีด "กูรูดัง" สับแหลกสตาร์ "เชลซี" มีส่วนทำทีมเสียประตูชี้ขาด

“อดีตพุทธะอิสระ” เล่าเหตุการณ์ทำไมนักข่าวมารยาททรามจาก CNN โผล่สัมภาษณ์ในหลวง